ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ครั้งที่ 1-2568

ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ครั้งที่ 1-2568

มาตรการกำหนดให้ติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย คุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป ระดับเสียง จำนวน 6 สถานี ปีละ 2 ครั้ง การติดตามคุณภาพน้ำทิ้ง ติดตามตรวจสอบทุกๆเดือนใน 6 เดือนแรกของการเปิดดำเนินการ และหลังจากนั้นติดตามตรวจสอบทุกๆ 4 เดือน การติดตามตรวจสอบสาธารณสุข อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ปีละ 1 ครั้ง โดยในช่วงมกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2568 ทางโครงการได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของรายงานฯ ที่ได้กำหนดไว้

การติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในบรรยากาศ

ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในบรรยากาศ ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน ฝุ่นละอองรวม ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ในช่วงมกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2568 พบว่า ดัชนีคุณภาพอากาศทั้งหมด มีค่าอยู่ในมาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2538) เรื่อง กำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไป มาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2547) เรื่อง กำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศทั่วไป และมาตรฐานตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2552) เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ในบรรยากาศโดยทั่วไป

การติดตามตรวจสอบระดับเสียงโดยทั่วไป

ผลการติดตามตรวจสอบระดับเสียงทั่วไป ได้แก่ ระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ระดับเสียงเปอร์เซ็นไทล์ที่ 90 ระดับเสียงเฉลี่ยกลางวัน-กลางคืน ระดับเสียงสูงสุด และระดับเสียงเฉลี่ย 1 ชั่วโมง พบว่า ระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2540) เรื่อง กำหนดมาตรฐานระดับเสียงโดยทั่วไป ลงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2540 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 27 ง วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2540 ที่กำหนดให้ระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าได้ไม่เกิน 70 เดซิเบลเอ และระดับเสียงสูงสุดมีค่าอยู่ในมาตรฐานระดับเสียงโดยทั่วไป ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2540) ที่กำหนดให้ระดับเสียงสูงสุด มีค่าได้ไม่เกิน 115 เดซิเบลเอ สำหรับระดับเสียงเฉลี่ย 1 ชั่วโมง ระดับเสียงเปอร์เซ็นไทล์ที่ 90 และระดับเสียงเฉลี่ยกลางวัน-กลางคืน ยังไม่มีมาตรฐานกำหนด

การติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง

ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง ได้แก่ อุณหภูมิ ความเป็นกรด-ด่าง บีโอดี ซัลไฟด์ ทีเคเอ็น ปริมาณสารแขวนลอย ปริมาณของแข็งละลายทั้งหมด ปริมาณตะกอนหนัก น้ำมันและไขมัน และปริมาณโคลิฟอร์มแบคทีเรียทั้งหมด พบว่าค่าดัชนีส่วนใหญ่มีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ยกเว้น สารแขวนลอย (SS) และสารที่ละลายได้ทั้งหมด (TDS) ที่มีค่าไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานกำหนด เนื่องจากบ่อพักน้ำทิ้งมีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย สภาพน้ำในบ่อมีลักษณะเป็นน้ำนิ่งซึ่งสภาพแวดล้อมดังกล่าวมีความเหมาะสมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนบางกลุ่ม และวัชพืชภายในบ่อพักน้ำทิ้ง อีกทั้ง การสะสมของปริมาณอินทรีย์สารในบ่อพักน้ำทิ้งมีปริมาณมากขึ้นจึงส่งผลให้สารแขวนลอย (SS) มีค่าไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด นอกจากนี้เนื่องจากบ่อพักน้ำทิ้งของโครงการฯ เป็นบ่อพักน้ำทิ้งสุดท้ายที่รองรับน้ำเสียจากกิจกรรมต่าง ๆ ภายในพื้นที่โครงการ รวมถึงน้ำเสียจากห้องน้ำ-ห้องส้วมที่ผ่านการบำบัดแล้วก่อนระบายลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะริมถนนหน้าศูนย์ซ่อมบำรุง โดยกระบวนการล้างทำความสะอาดห้องน้ำ รวมถึงพื้นที่ต่าง ๆ ภายในโครงการฯ มีการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบของสารเคมีหลากหลายชนิด เช่น กรดไฮโดรคลอริก (HCl) และสารลดแรงตึงผิว (Surfactants) ซึ่งเป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีและคงอยู่ในรูปของไอออนในระบบน้ำ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ปริมาณสารที่ละลายได้ทั้งหมด (TDS) ในบ่อพักน้ำทิ้งมีค่าไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานฯ ที่กำหนด

การติดตามตรวจสอบสาธารณสุข อาชีวอนามัยและความปลอดภัย

ผลการติดตามตรวจสอบข้อมูลตรวจสุขภาพทั่วไปของพนักงาน รายงานประวัติสุขภาพของพนักงาน บันทึกการเจ็บป่วยและสุขภาพของผู้ที่อาศัยบริเวณใกล้เคียงพื้นที่โครงการ (รง.504) มีแผนดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ โดยจะดำเนินการในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2568 และจะนำเสนอผลในรายงานฉบับเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม พ.ศ. 2568

Scroll to Top